16 สิงหาคม 2566 เวลา 11:00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 ภายในสำนักงาน กพ. กลุ่มพรรคสังคมประชาธิปไตยไทย (Thai social democratic Party) จำนวน 7 คนนำโดยนายสาวิต แก้วหวาน หัวหน้าพรรคสังคมประชาธิปไตยไทย (สปท.) และนางเสน่ห์ หงษ์ทอง เดินทางมายื่นหนังสือถึงรักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เรื่อง ขอคัดค้านการหลักเกณฑ์ง่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุฉบับใหม่และขอให้ทบทวนยกเลิก
ตามที่รัฐบาล โดยกระทรวงมหาดไทย ได้ออกระเบียบวิธีการง่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุใหม่โดยกำหนดให้ผู้ที่จะได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต้องเป็นผู้ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพดามที่คณะ กรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด ซึ่งหลักเกณฑ์ดังกล่าวได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2566 ลงนามโดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รักษาการในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้มีการปรับเปลี่ยนเกณฑ์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุใหม่ นั้น
เท่ากับว่าจากนี้ไปผู้สูงอายุที่จะได้รับก็ต้องแสดงตนพิสูจน์สิทธิว่า “จนจริง” ถึงจะได้รับเบี้ยยังชีพ ผู้สูงอายุหากปรากฎว่ามีรายได้ก็จะไม่ได้รับ ซึ่งการเพิ่มคุณสมบัติของผู้มีสิทธิไห้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุดังกล่าวนี้ จะทำลายหลักการรัฐสวัสดิการแบบถ้วนหน้า แต่จะดอกช้ำระบบรัฐสงเคราะห์ที่เลือกให้เฉพาะคนจน หรือคนอนาถา กฎระเบียบดังกล่าวเป็นการทำให้สวัสดิการผู้สูงอายุในไทย”ถอยหลัง” ไปจากปี 2552
ซึ่งขณะนั้นเป็นการปรับเปลี่ยนระบบสวัสดิการผู้สูงอาย จากเดิมใช้ระบบ
“พิสูน์ความจน” มาใช้ระบบ
“ถ้วนหน้า” ซึ่งเป็นการกระทำดังกล่าวเป็นการทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ขัดต่อเงตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และ หลักสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และแน่นอนว่าจะต้องเกิดปัญหาตามมาอีกมากมายในอนาคด แต่หากหลักเกณฑ์เดิมแบบถ้วนหน้าก็จะง่ายไม่สลับชับซ้อนเพราะรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีข้อมูลอยู่แล้ว
พรรคสังคมประชาธิปไตยไทย (สปท.) จึงขอคัดค้านและ ไม่เห็นด้วยกับการ ไปสร้างเงื่อนไขขึ้นมาใหม่และ ไปทำลายหลักการรัฐสวัสดิการแบบถ้วนหน้า แต่รัฐบาลควรสร้างมาตรการการจัดเก็บภาษีในอัตราก้าวหน้า บริหารงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ จัดการแก้ไขปัญหาการทูจริตให้หมดไป สร้างรัฐสวัสดิการถ้วนหน้าเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ของ เด็ก ผู้สูงอายุ ขัดการเรื่องการศึกษา สาธารณสุข ฟรี โดยไม่มีค่าใช้ง่าย จัดการระบบ พลังงาน น้ำประปา ไฟฟ้า การขนส่ง การสื่อสารโทรคมนาคม การบริการสาธารณะที่ดีมีประสิทธิภาพที่ดำเนินการโดยรัฐเองไม่ถ่ายโอนภารกิจให้เอกชนดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน พร้อมกับควบคุมราคาสินค้าที่จำเป็นในการดำเนินชีวิตเพื่อลดรายง่ายประชาชนลง จึงขอให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวน ยกเลิก หลักเกณฑ์จ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุฉบับใหม่แล้วกลับไปใช้หลักเกณฑ์เดิมแบบถ้วนหน้าและปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และ ประชาชนมากว่า
เวลา 11:10 น. กลุ่มได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีผ่านนายสมภาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ เพื่อให้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
11.20 น. เดินทางกลับ