กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ( CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวงภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.บก.ปปป.(รรท.ผบก.ทล.), พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.๒ บก.ทล., พ.ต.ท.อิทธิศักดิ์ ค้ำคูณ สว.ส.ทล.๖ กก.๒ บก.ทล.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ร.ต.อ.อำนาจ สีนวล รอง สว.ส.ทล.๖ กก.๒ บก.ทล., ร.ต.ต.ชรินทร์ อ้นมั่นรอง สว.(ป.) ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล.
ร่วมกันจับกุม น.ส.เพนรินทร์ฯ อายุ 39 ปีซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ปลอมและใช้เอกสารทางราชการปลอมพร้อมตรวจยึดของกลาง
1.แผ่นป้ายทะเบียน 2 แผ่น จับกุม บริเวณ ทล.๓23 กม.64+800 ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมออกตรวจในพื้นที่เขตรับผิดชอบ ขณะออกตรวจ มาถึงบริเวณ ทล.๓23 กม.64-65 (ขาเข้า) ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พบรถยนต์ส่วนบุคคลขับขี่ผ่านมาด้วยความเร็ว ซึ่งมีลักษณะต้องสงสัย จึงได้ตรวจสอบข้อมูลรถผ่านระบบขนส่งทางบก ปรากฏว่ารถคัน
ดังกล่าวมีสถานะขาดต่อภาษีและมีข้อมูลระบุรุ่นและสีของรถไม่ตรงกับรถคันที่ปรากฎดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เรียกให้รถคันดังกล่าวหยุดเพื่อทำการตรวจสอบ พบ น.ส.เพนรินทร์ฯ เป็นผู้ขับขี่
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขอตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนของรถยนต์และสมุดคู่มือประจำรถยนต์คันดังกล่าว
ผลปรากฏว่า ผู้ต้องหาไม่มีสมุดคู่มือประจำรถแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและเมื่อตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนรถ
ฯ พบว่า ลักษณะของแผ่นป้ายทะเบียนมีการใช้วัสดุโลหะที่ไม่ได้มาตรฐาน, ไม่มีการสลักตัวนูนว่า ขส. ที่มุมขวา
ล่างของแผ่นป้ายทะเบียน, ไม่มีลักษณะลายน้ำใต้อักษรหมายเลขทะเบียน, ไม่มีเลข ๑๐ หลักยิงโดยเลเซอร์ที่
มุมด้านซ้ายของแผ่นป้ายทะเบียนและด้านหลังไม่มีตัวอักษรสลักว่า ขส. หลังตัวอักษรตัวแรก นอกจากนี้
หมายเลขตัวรถและหมายเลขเครื่องของรถยนต์คันดังกล่าว ระบุว่า ผู้ครอบครองคือ น.ส.เสาวภาฯ และมีบริษัทสินเชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สอบถามไปยัง น.ส.เสาวภาฯ ผู้ครอบครอง ทราบว่า รถยนต์คันดังกล่าวได้
ถูกนำไปจำนำกับเพจเฟซบุ๊กรับจำนำรถ เป็นจำนวนเงิน 150,000 บาท ระหว่างการจำนำ ได้หลุดจากการจำนำรถกับทางเพจ จึงได้ถูกนำรถคันดังกล่าว ไปโพสต์ขายต่อ และมีผู้ต้องหาเป็นผู้รับซื้อไปน.ส.เสาวภาฯ ได้สอบถามกับเพจฯ เพื่อติดตามรถยนต์คันดังกล่าวคืน แต่เพจฯแจ้งว่า ได้ขายรถคัน
ดังกล่าวไปแล้ว และไม่สามารถติดตามกลับมาได้ ซึ่งระหว่าง น.ส.เสาวภาฯ ติดตามรถคันดังกล่าวคืน ได้ขาดส่งค่างวดรถกับทางไฟแนนซ์ของธนาคาร จึงถูกฟ้องศาล (คดีอยู่ระหว่างการฟ้องศาล) จนกระทั่งทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาและตรวจสอบยึดรถของตนไว้ได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา โดยผู้ต้องหาให้การว่า
ได้ติดต่อขอซื้อรถยนต์คันดังกล่าวจากเพจเฟซบุ๊ก โดยก่อนหน้าที่จะรับรถ ได้มีการจ่ายเงินมัดจำในราคา 5,000 บาท และนำเงินสดจ่ายให้กับผู้นำรถมาให้เป็นจำนวนเงินอีก 30,000 บาท จากนั้น
ผู้นำรถได้ส่งรถพร้อมกับแผ่นป้ายทะเบียนจริงและได้แจ้งกับผู้ต้องหาให้ทราบว่า ห้ามนำแผ่นป้ายทะเบียนจริงมาติดกับรถ เนื่องจากรถคันดังกล่าวทำการหลบหนีการตรวจสอบ ตรวจยึดจากไฟแนนซ์เจ้าของกรรมสิทธิ์รถ อยู่ผู้ต้องหาจึงได้สั่งทำป้ายทะเบียนปลอมจากเพจเฟซบุ๊กที่รับทำแผ่นป้ายทะเบียนรถ ในราคา 700 บาท
โดยระบุให้ใช้หมายเลขทะเบียนรถอีกคันหนึ่งของผู้ต้องหา เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อภาษี เตือนภัย ข้อมูลการเฝ้าระวังการซื้อ-ขาย รถหลุดจำจากสื่อออนไลน์ เพจฯต่างๆ ต้องมีความระมัดระวังหากซื้อ-ขายไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีการโอนทะเบียนรถ หรือมีการนำแผ่นป้ายทะเบียนไม่ถูกต้องมาติดให้หรือ มีการบอกกล่าวให้ลักลอบติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอม เพื่อเป็นการหลบเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ มีการซื้อ-ขาย แผ่นป้ายทะเบียนปลอมจากช่องทางสื่อออนไลน์ต่างๆมาติดเองการกระทำดังกล่าวมีความผิดฐาน “ปลอมและใช้เอกสารทางราชการปลอม