ตร.ท่าเรือ รวบ “เลี้ยบ เล่าจ๋อ” วิ่งราวทรัพย์ พร้อมยึดของกลางเป็นสร้อยคอทองคำ 3 เส้น น้ำหนักรวม 5 บาท
กล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายทำทีเข้ามาซื้อสร้อยคอทองคำที่ร้านทองสยาม เขตเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ก่อนฉวยโอกาสที่เจ้าของร้านเผลอหยิบสร้อยคอทองคำ 3 เส้นน้ำหนักรวม 5 บาท หนีออกไปจากร้าน ก่อนจะวิ่งหนีไปหลบซ่อนที่บ้าน เจ้าของร้านทองตามเจอแจ้งตำรวจรวบตัวทันที เจ้าหน้าที่ตำรวจเค้นสอบอยู่นานก็จะบอกที่ซ่อนสร้อยคอทองคำทั้งหมด
วันที่ 22 มิถุนายน 2566 เมื่อเวลา 11.30น. พันตำรวจโท ชนะชน ชินแส สารวัตรสอบสวน สภ.ท่าเรือ กาญจนบุรีได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายวิ่งราวทอง บริเวณตลาดท่าเรือ หลังรับแจ้งเหตุจึงรายงานให้ พันตำรวจเอก สมบัติ โพธิ์งาม ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรท่าเรือ ทราบพร้อมรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน มายังร้านทองที่เกิดเหตุ เบื้องต้นเปิดกล้องวงจรปิดภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านทองสยาม เขตเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี จับภาพคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 39ปี แต่งกายสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้น ที่แขนข้างขวามีรอยสัก ทำทีมาขอซื้อสร้อยคอทองคำแล้วฉวยโอกาสที่เจ้าของเผลอหยิบเอาสร้อยคอทองคำน้ำหนักรวม 5 บาท ออกจากร้านไป
จากนั้นนายชัยยศ ซิปเข เจ้าของร้านทองสยามได้ไล่ติดตามไปพบว่าคนร้ายหนีมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่ในชุมชนเล่าจ๋อเขตเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น ซึ่งเป็นบ้านของคนร้ายทราบชื่อคือนายสุรเดช (สงวนนามสกุล) หรือเลี้ยบ เล่าจ๋อ อายุ 39ปี จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าเรือ เข้ามาควบคุมตัว
ตรวจสอบพบสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 1 บาท สวมอยู่ในคอของนายสุรเดช เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามสอบถามว่าสร้อยคอทองคำที่เหลือเอาไปซ่อนไว้ไหนแต่นายสุรเดชไม่ยอมบอกที่ซ่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยชาวบ้านและเจ้าของร้านทองสยามจึงได้กระจายกำลังกันค้นหาจนพบห่อยาเส้นถูกซุกซ่อนอยู่ในพงหญ้าข้างบ้านเมื่อเปิดดูข้างในพบเป็นสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 2 บาท ส่วนสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท ที่เหลือยังค้นหาไม่เจอ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวนายสุรเดช ไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่โรงพัก
นายชัยยศ ซิปเข เจ้าของร้านทองสยาม บอกว่า เกิดเหตุนายสุรเดช ได้ทำทีมาขอซื้อสร้อยคอทองคำ ระหว่างนั้นนายสุรเดชก็ขอดูสร้อยน้ำหนัก 2 บาท จำนวน 2 เส้น พอลองสวมดูแล้วก็บอกสร้อยเส้นใหญ่ไป จึงได้ชี้ไปสร้อยคอหนัก 1 บาท จากนั้นนายสุรเดชได้นำสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทสวมใส่ที่คอ แล้วก็เอาใสจังหวะที่ตนเผลอหยิบเอาสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 2 บาท 2 เส้น รวม 5 บาท แล้วเดินออกจากร้านไป อีกทั้งนายสุรเดชตนก็รู้จักด้วยจึงได้ขับตามไปที่บ้านพบนายสุรเดชนั่งอยู่จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม ตอนนี้ได้สร้อยคอทองคำกลับคืนมาเพียง 3 บาท ส่วนอีก 2 บาท ยังหาไม่พบซึ่งนายสุรเดชไม่ยอมบอกว่านำไปซ่อนไว้ที่ไหน
ภายหลัง พ.ต.อ.สมบัติ โพธิ์งาม ผู้กำกับสถานนีตำรวจภูธรท่าเรือกาญจนบุรี ได้สอบสวนนายสุรเดช จนยอมรับสารภาพบอกที่ซ่อนทองอีก 2 บาท จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าเรือ นำกำลังลงพื้นที่ชุนเล่าจ๋ออีกครั้งไปค้นหาจนพบสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท ถูกซุกซ่อนอยู่ในพงหญ้าซึ่งใกล้ๆกับจุดแรกที่เจอสร้อยคอทองคำ 2 บาท ซุกในห่อยาเส้น เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายสุรเดช ในข้อหาวิ่งราวทรัพย์ ก่อนจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป