กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก.ปคม. ,พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล รอง ผบก.ปคม. ,พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์ รอง ผบก.ปคม. ,พ.ต.อ.ณัฏฐ์ สุวรรณวัฒนะ รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.วุฒิชัย จันโทภาส รอง ผบก.ปคม. ,พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.รัชภูมิ กุสุมาลย์ ผกก.4 บก.ปคม. ,พ.ต.ท.นรวัฒน์ รามฤทธิ์ รอง ผกก.4 บก.ปคม. ,พ.ต.ท.กรกฤช งามวงศ์วาน รอง ผกก.4 บก.ปคม.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย นำโดย พ.ต.ท.กิตติพงศ์ อมฤตโอฬาร สว.กก.4 บก.ปคม. ,พ.ต.ท.พัฒษพงศ์ เสณีแสนเสนา สว.กก.4 บก.ปคม., ด.ต.อนุรักษ์ สุทธิแสน, จ.ส.ต.อภิวัฒน์ นาคจีน ผบ.หมู่ กก.4 บก.ปคม.
ร่วมกันจับกุม
1.นายนิรุช ฯ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2863/2566 ลงวันที่ 4 กันยายน 2566
2.น.ส.จุฑามาศ หรือวรรณ ฯ อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2862/2566 ลง
วันที่ 4 กันยายน 2566 ในความผิดฐาน “สมคบกันตั้งแต่สองคนขี้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์และผู้ที่สมคบกันคนหนึ่งคนใด ได้ลงมือกระทำความผิดตามที่ได้สมคบกัน, ร่วมกันค้ามนุษย์ตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปหรือโดยสมาชิกขององค์กรอาชญากรรมกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี หรือการอื่นใดที่คล้ายคลึงกันอันเป็นการขูดรีดบุคคล ไม่ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, เพื่อสนองความใคร่ ร่วมกันเป็นธุระจัดหาเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง รับตัวบุคคลหรือเด็กซึ่งมีผู้จัดหาล่อไปหรือชักพาไปเพื่อสนองความใคร่ผู้อื่น, เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลใดเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณีแม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม และไม่ว่าการกระทำต่างๆ อันประกอบเป็นความผิดนั้นจะได้กระทำภายในหรือนอกราชอาณาจักร โดยใช้อุบายหลอกลวง”
จับกุม หน้าบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา และ ปั๊มน้ำมัน ในพื้นที่ ต.แปลงยาว อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา
เนื่องด้วย ผู้เสียหายมีเพื่อนที่รู้จักมาชักชวนให้ไปทำงานร้านนวดแห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จากนั้นได้แนะนำให้ติดต่อทางแอพพลิเคชั่น WhatsApp กับ น.ส.จุฑามาศฯ (ผู้ต้องหาที่ 2 ) เพื่อสอบถามรายละเอียดการเดินทางไปทำงาน รวมถึงการเตรียมวีซ่า จองโรงแรม และจองตั๋วเครื่องบินในการเดินทาง พร้อมกับให้ติดต่อกับบุคคลซึ่งอยู่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเรียกว่า มาดามไทย เพื่อสอบถามรายละเอียดการทำงาน
จากนั้นได้นัดหมายผู้เสียหายมาพบที่บ้านแห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทรา ต่อมาน.ส.จุฑามาศฯ (ผู้ต้องหาที่ 2 ) และ นายนิรุชฯ (ผู้ต้องหาที่ 1) ได้ขับรถไปส่งผู้เสียหายที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และขึ้นเครื่องตามปกติ
กระทั่งผู้เสียหายเดินทางไปถึงประเทศสหรัฐอาหรับเอมริเรตส์ ได้มีชายชาวต่างชาติขับรถมารับไปต่อยังบ้านพักแห่งหนึ่ง พร้อมพาไปร้านนวด ซึ่งตั้งอยู่ภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ต่อมาได้มีหญิงจีน หรือมาดามจีน และชายพูดภาษาจีน มาตกลงพูดคุยเพื่อขอซื้อตัวผู้เสียหายอีกต่อหนึ่ง โดยเป็นการพูดคุยผ่านมาดามไทย ซึ่งฝั่งนั้นได้เก็บเอาเอกสารหนังสือเดินทางของผู้เสียหายไว้
เมื่อเจราจาสำเร็จ ก็ได้พาผู้เสียหายไปร้านนวดอีกแห่ง ซึ่งตั้งอยู่ภายในโรงแรมในเมืองฟูไจราห์ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ทำงาน ผู้เสียหายก็ทำหน้าที่นวดปกติ แต่ไม่มีการได้รับค่าจ้างแต่อย่างใด โดยทางกลุ่มผู้ต้องหาระบุว่า หากเป็นการนวดแอบแฝงค้าประเวณีตนจึงจะมีรายได้จากการทำงานดังกล่าว แต่ก็ต้องนำมาชำระหนี้หักค่าใช้จ่ายการเดินทาง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายต้องจำยอมทำการนวดแฝงค้าประเวณีเพื่อหาเงินมาจ่ายคืนค่าเดินทาง รวมถึงค่าใช้จ่าย ค่าอาหาร ค่าซักผ้า ที่ผู้เสียหายต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด
โดยจะถูกจำกัดพื้นที่ ถูกยึดหนังสือเดินทาง และหากออกไปข้างนอกต้องมีคนของมาดามจีนติดตามคอยควบคุมตลอดเวลา
ความทุกข์ทรมานที่ได้รับ ทำให้ผู้เสียหายตัดสินใจวางแผนและหาโอกาสหลบหนีออกมาจากร้านนวด และเข้ามาขอความช่วยเหลือมูลนิธิและกงสุลประเทศไทย จนได้รับความช่วยเหลือและสามารถเดินทางกลับมายังประเทศไทยได้ ก่อนมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคม. เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหานี้กับพวกตามกฎหมาย จนนำไปสู่การออกหมายจับข้างต้น
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย ขออย่าหลงเชื่อข้อความโฆษณาทางโซเชียลมีเดีย หรือการชักชวนไปทำงานต่างประเทศของบุคคลใด และขอให้ตรวจสอบบริษัทจัดหางาน ข้อมูลตำแหน่งงาน ลักษณะงาน ตลอดจนประเทศที่จะไปจากเจ้าหน้าที่ของกรมการจัดหางาน ก่อนตัดสินใจทุกครั้ง