ชาวบ้านเดือดร้อน.?
นานสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี
เผาทุกปีไม่สนกฎหมายชาวนาเผาตาซังข้าวหลังเก็บเกี่ยวมลพิษ
วันที่ 9 มีนา จนถึงวันนี้ 11 มีนายังเผาไม่หยุด ชาวบ้านเดือดร้อนกันมากค่ะ แจ้ง จนทก็ยังไม่มีการจัดการเร่งด่วน แจ้งแล้วก็ต้องรอหนังสือร้องเรียน ทั้งๆที่เป็นพฤติกรรมที่เห็นอยู่ซึ่งหน้า ยังไม่จัดการอะไร จ่าช่วยเป็นเสียงช่วยคนไทรน้อยด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
เมื่อวัน 13 มีนาคม 2567 เวลา 07.00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ข้างตลาดพงศ์ไพบูลย์ ต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นท้องนาซึ่งมีคนเข้าไปเผาฝางเข้ารวมทั้งพื้นที่ อ.บางใหญ่ ก็มีคนเผาฝางข้าวเหมือนกันซึ่งทางจังหวัดก็ได้ให้กำนันผู้ใหญ่บ้านแต่ละอำเภอคอยประชาสัมพันธ์ให้ชาวไร่ชาวนาไม่ให้เผาเพื่อที่จะได้ลดPM 2.5 ซึ่งเป็นมลพิษทางอากาศส่งต่อละบบทางเดินหายใจ นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า จ.นนทบุรีได้มีการเผาระวังและติดตามเรื่อง ฝุ่น Pm 2.5 มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเรื่องจุดฮอตสปอต ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีในเรื่องจุดฮอตสปอต แต่เพิ่งเริ่มมีอยู่ที่บางใหญ่ในเมื่อวาน และวันนี้ที่ไทรน้อย ซึ่งจากการเผาในวันนี้ก็ได้สั่งการไปที่นายอำเภอให้ไปตรวจสอบในพื้นที่และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเฉพาะในจุดที่เกิดฮอตสปอต ส่วนในมาตรการอื่น ในมาตราการการป้องกันเราได้รณณรงค์ในเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในการทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเกษตรเคลื่อนที่ การปลูกในฤดูการณ์ใหม่ ก็ได้เข้าไปรณรงค์โดยเฉพาะเรื่องฟาง ให้นำมาใช้ประโยชน์ เช่น นำไปเป็นอาหารสัตว์ ไปทำเป็นเชื้อเพลิงซึ่งเป็นชีวะมวลไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการหมักปุ๋ย แต่ที่สังเกตุช่วงนี้เกิดขึ้นพร้อมกัน 2 จุด เพราะว่าในเขต นนทบุรีเป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยวข้าว ช่วง 66/67 ยังมีเกษตรกรบางรายที่ไม่ให้ความร่วมมือ ตอนนี้ก็ได้แจ้งไปยังนายอำเภอให้แจ้งไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้านว่าใครที่มีพื้นที่นา ใน จ.นนทบุรี ให้ประชาสัมพันธ์ทุกครัวเรือนให้เข้าใจตรงกัน ถ้ายังฝ่าฝืนก็จะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ฝากถึงเกษตรกรโดยเฉพาะชาวนาในพื้นที่นนทบุรีในช่วงนี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต มาตราการนี้ไม่ใช้แค่ใช้เฉพาะแค่ในจ.นนทบุรี แต่ใช้ไปทุก จ. ทุกพื้นที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง อยากให้ชาวจ.นนทบุรีให้ความร่วมมือในการเก็บเกี่ยว ซึ่งมีหลายวิธี ถ้าไม่เข้าใจก็สามารถปรึกษาเกษตรอำเภอได้เพื่อที่จะได้ไปให้คำแนะนำการเก็บเกี่ยว จะได้ไม่ต้องไปเสี่ยงต่อการเผา และไม่ถูกดำเนินคดีจับกุมลงโทษตามกฎหมาย ขอให้ร่วมกันรณรงค์ เพราะเมืองของเราเป็นเมืองหน้าอยู่ และเป็นเมืองที่ใกล้กรุงเทพ ถ้าเราเผาในจุดนี้อาจจะไปกระทบในจุดอื่น จังหวัดอื่น ก็ขอให้ช่วยกันอย่าเผา
นาง เฉลียว เอี่ยมสะอาด อายุ 68 ปี กล่าวว่า ถ้าไม่เผาฟาง เวลาปล่อยน้ำลงทุ่งนาฝากมันจะไม่จม ก็จะไม่สามารถหว่านข้าวได้ จะไม่สามารถทำกินได้ถ้าไม่เผา เขาเผาไปมากน้อยแต่มลพิษก็ไม่มาก ไม่ถึงกับอันตรายเพราะเผาตอนกลางคืนเวลาลมแรงก็ขึ้นฟ้าหมด และที่ห่างๆบ้านของตนเจ้าของนาก็ไม่ได้เผา เผาห่างบ้านไปประมาน 100 วา และเขาก็มีการป้องกัน ไม่ใช่อยู่ๆจะมาเผาได้มาการยืนเฝ้าและมีน้ำไว้คอยดับ และแถวๆบ้านตนเขาเผาห่างจากบ้านตนประมาน 200 วา และยืนเฝ้ามีน้ำมาค่อยฉีด และตอนนี้เขาก็ได้ขุดบ่อน้ำไว้ ซึ่งมีการเผาจริงแต่ก็ได้ยืนคุมไว้ทุกที่ ที่เขาเผาเพราะมีบ้านเรือนอยู่ ในเรื่องของกลิ่นควันเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะมี แต่ควันมาไม่ถึงขนาดที่อยู่ไม่ได้หรือมีควันทั้งคืน อย่างเช่นฟาง ไม่ถึงครึ่ง ชม. ก็กลายเป็นขี้เถ้า เอาน้ำสาดก็ละลายไปหมด ซึ่งตนเพิ่งย้ายบ้านมาจากสาย 3 ตนทำสวน สวนตนกินไม่ได้เลยเพราะหนอนกินหมด เพราะมีหมู่บ้านที่มาที่หลังตน ซึ่งตนทำสวนมา 40 ปีแล้ว ถ้าไม่ฉีดยาบ้างจะได้กินหรือไม่ เพราะตนได้ลงทุนไปเป็นหมื่น เวลาตนฉีดยา ก็มีชาวบ้านในหมู่บ้านเปิดหน้าต่างมาบอกตนว่าไม่ให้ฉีดยา จะให้ทำยังไงเราหวังว่าจะได้คืนจากตรงนี้ เขาไม่คิดถึงคนทำสวนทำนาเลย โดยเฉพาะเวลาทำร่อง มันก็ต้องมีหญ้าขึ้นเราก็ต้องฉีดยา และจะให้เอาไปทิ้งที่ไหนถ้าหากซ้ายก็หมู่บ้าน ขวาก็ร่องน้ำจะให้เอาไปทิ้งที่ไหนหากไม่เผา เพราะตนจุดก็ไม่ได้จุดติดกำแพงบ้านเขา เวลาเอาหญ้าไปเผาตนก็เอาไปเผากลางส่วนพอเผาไปไม่ถึง ครึ่ง ชม. ตำรวจก็มาแล้วจะให้ตนทำยังไง ถ้าคุณไม่ให้เขาจุดคุณจะให้เขาทำยังไง ถ้าอยากให้เขาทำนาต่อไป เพราะหลายเดือนนะกว่าฟางจะเน่าและหายไป คุณคิดแค่ว่ามลพิษ แล้วรถที่ขับกันไปมามีมลพิษมากกว่าอีกทำไมถึงไม่จัดการบ้าง
******************
นายปราโมทย์ ทองกุญชร (ผอ.บริหาร) 0947869441 ติดต่อโฆษณา