วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 เวลา 16.47 น.
ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานความเดือดร้อนจากชาวบ้านย่านทุ่งครุ หลังถนนภายในซอยถูกขุดปรับปรุงตั้งแต่ก่อนเดือนเมษายน กระทั่งปลายปีงานยังไม่คืบหน้า ส่งผลให้ชาวบ้านต้องทนอยู่กับฝุ่นปูนฟุ้งกระจายตลอดวัน และเมื่อฝนตกก็เกิดน้ำท่วมไหลเข้าบ้านหลายหลัง โดยเฉพาะบ้านของหญิงชราและลูกชายพิการที่ต้องแช่น้ำเป็นเวลาเกือบสัปดาห์
หญิงชราวัย 85 ปี ซึ่งได้รับผลกระทบหนักที่สุด กล่าวทั้งน้ำตาว่า “ ไม่มีใครมามอง ไม่มีใครมาช่วย เราก็เป็นแค่ชาวบ้านตัวเล็กๆ ”
ลงพื้นที่พบ “ ถนนลูกหลุม–ฝุ่นคลุ้ง ” สัญจรเสี่ยงอันตรายผู้สื่อข่าวตรวจสอบบริเวณท้ายซอยประชาอุทิศ 69 ตรงบริเวณทางเข้า-ชุมชนสามัคคี พบว่าถนนสองเลนที่เคยใช้สัญจรได้ตามปกติ บัดนี้กลายเป็นถนนขรุขระราวกับสนามออฟโรด เต็มไปด้วยฝุ่นปูนลอยคลุ้งเห็นชัดจากระยะไกล สภาพดังกล่าวไม่เพียงสร้างมลพิษ แต่ยังก่ออันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างรุนแรง เนื่องจากพื้นที่แคบจนรถสวนกันแทบไม่ได้ และเมื่อฝนตก เศษดิน–ทราย – ฝุ่นปูน ทำให้ถนนลื่นเหมือน “ แผ่นครีมมี่ ” เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง อีกทั้งพื้นที่ล้อมรอบเป็นเขตชุมชน โรงงาน และสถานศึกษา ทำให้เด็กนักเรียนต้องสูดฝุ่นเป็นประจำ จนผู้ปกครองหลายรายเอ่ยว่า “ สงสารลูกจับใจ ”
แม่วัย 39 โอด “ รถยางแตกสามเส้นแล้ว ” – วอนเร่งทำถนนหน้าโรงเรียนก่อนนางสาวโอ๋ อายุ 39 ปี หนึ่งในผู้เดือดร้อน เปิดเผยว่า ถนนเริ่มขุดตั้งแต่ก่อนเดือนเมษายน แม้มีช่วงปิดเทอมยาวหนึ่งเดือน แต่การทำงานกลับล่าช้า จนวันนี้สภาพถนนยังเละเทะเหมือนเดิม
เธอกล่าวต่ออีกว่า “ ทุกเช้าถ้าฝนตก ถนนมันลื่นเหมือนครีมมี่ ขับรถยากมากค่ะ น้องๆ ในบ้านยางแตกไปสามเส้นแล้ว ยังไม่รวมโช๊ครถจักรยานยนต์ที่ได้รับความเสียหาย วันนี้น้ำก็ท่วมเข้าบ้านอีก อยากให้หน้าโรงเรียนเสร็จก่อนก็ยังดี เด็กป่วยกันเยอะจริงๆ ”
ยายวัย 85 กับลูกชายพิการ “ แช่น้ำมา 5 วัน ” หวั่นไฟดูดแต่ไร้ทางเลือก แล้วหนึ่งในกรณีที่สะเทือนใจคือบ้านของ ยายปราณี อายุ 85 ปี และลูกชายวัย 49 ปี ซึ่งป่วยอัมพฤกษ์ ทั้งคู่ต้องทนอยู่ในบ้านที่มีน้ำท่วมขังต่อเนื่องหลายวัน เพราะถนนที่ถูกยกระดับทำให้น้ำไหลย้อนเข้าบ้าน
ซึ่งยายปราณีกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นว่า “ กลัวไฟดูดนะลูก แต่จะให้ทำยังไง ก็ต้องอยู่แบบนี้…ลูกชายของแม่ก็เดินลำบาก ยังต้องมาแช่น้ำทุกวัน กลัวงูกลัวสัตว์มีพิษ เสื้อผ้าก็ไม่มีจะใส่ เครื่องซักผ้าก็เสีย ”
ชาวบ้านต้องช่วยกันยกตู้เย็นและของใช้ขึ้นที่สูงเพื่อป้องกันความเสียหาย ขณะที่หญิงชราฝากวิงวอนด้วยน้ำตา “ ช่วยมาดูเราหน่อยเถอะ แม่ก็แก่แล้ว ลูกก็พิการ จะอยู่แบบนี้นานแค่ไหนก็ไม่รู้…”
ถนนสายหลักของชุมชน แต่ยังไร้คำตอบว่าจะเสร็จเมื่อใด
ซึ่งถนนเส้นดังกล่าวถือเป็นเส้นทางหลักเชื่อมหลายทิศทาง ทั้งไปประชาอุทิศและพระประแดง มีปริมาณการสัญจรหนาแน่น แต่ถึงขณะนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบยังไม่สามารถระบุกรอบเวลาการแล้วเสร็จได้ ขณะที่ชาวบ้านยังคงเผชิญความเดือดร้อนสะสมทั้งฝุ่น น้ำท่วม และอุบัติเหตุ
เสียงสะท้อนจากชาวบ้านหลายรายตั้งคำถามร่วมกันว่า
“ ความทุกข์ของพวกเรา…ใครจะเยียวยา? ”
***************”********,












