เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งครุ รับแจ้งเหตุชายชาวลาวได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสจากการพลัดตกจากที่สูง บริเวณฝั่งตรงข้ามปากซอยประชาอุทิศ 79 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร จึงรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู และหน่วยแพทย์ฉุกเฉินในระบบเอราวัณเข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณข้างอาคารพาณิชย์เลขที่ 192 ถนนประชาอุทิศ เจ้าหน้าที่พบผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ นายไซ คำ เฮน อายุ 24 ปี สัญชาติลาว นอนหงายอยู่ในพุ่มไม้ สภาพไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงขายาวสีดำ ไม่สวมรองเท้า มีบาดแผลฉกรรจ์เปิดขนาดใหญ่บริเวณหลังหัวเข่าข้างขวา และกระดูกต้นขาขวาหักผิดรูป อาการสาหัส อาสาสมัครกู้ภัยจึงให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนส่งต่อให้ทีม ALS นำตัวส่งโรงพยาบาลมหาชัย 2 เป็นการเร่งด่วน
จากการสอบถามผู้บาดเจ็บให้การเพียงว่า ตนทำงานอยู่โรงงานผลิตหัวน็อต และเมื่อถูกถามถึงสาเหตุที่ขึ้นไปบนดาดฟ้า กลับตอบเพียงสั้น ๆ ว่า “ไม่รู้ครับ”
ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุพบว่า อาคารพาณิชย์ดังกล่าวสูง 4 ชั้น บริเวณดาดฟ้าพบกระเบื้องหลังคาแตกเป็นรูขนาดใหญ่ คาดว่าเกิดจากผู้บาดเจ็บพยายามปีนและเดินบนหลังคาเพื่อนำ เหล็กราวตากผ้าและโต๊ะเหล็ก ซึ่งขโมยมาจากบ้านใกล้เคียงลงมา แต่เกิดพลาดเหยียบกระเบื้องแตก ทำให้ร่วงตกลงมากระแทกพื้นจนได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว
ด้าน นายไก่ อายุ 51 ปี เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า นายไซมาทำงานอยู่ในห้องเช่าข้างบ้านได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ ก่อนจะพบว่าทรัพย์สินภายในบ้าน เช่น ราวตากผ้าและโต๊ะเหล็ก สูญหาย ต่อมาจึงทราบว่าผู้บาดเจ็บนำทรัพย์สินไปมัดรวมกันซุกซ่อนไว้บนดาดฟ้า และคาดว่าพยายามขนย้ายลงมาโดยไม่ให้ใครเห็น ก่อนจะเกิดเหตุพลาดตกลงมา
ขณะที่ นายเอส อายุ 42 ปี เพื่อนร่วมงาน ให้การว่า ตนเป็นคนงานตกแต่งบ้านหลังติดกับร้านก๋วยเตี๋ยว ช่วงเกิดเหตุกำลังจะรับประทานอาหาร ได้ยินเสียงดังคล้ายของตก ก่อนมีคนเรียกให้ไปดู เมื่อไปถึงพบว่าผู้บาดเจ็บเป็นคนงานที่ทำงานอยู่ด้วยกัน ไม่เคยพบว่ามีพฤติกรรมลักขโมยมาก่อน อาจเกิดจากความมึนเมาหรือสาเหตุอื่นซึ่งไม่อาจยืนยันได้
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้หน่วยแพทย์ฉุกเฉินนำตัวผู้บาดเจ็บส่งรักษาที่โรงพยาบาลมหาชัย 2 ตามสิทธิ์การรักษา และจะรอให้ผู้บาดเจ็บอาการดีขึ้นก่อนเรียกตัวมาสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งที่ สน.ทุ่งครุ ขณะที่ผู้เสียหายทั้งหมดได้แนะนำให้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป









