ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องคดี กกต.ฟ้องพิธาถือหุ้นไอทีวีแล้ว พร้อมสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.

71

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่19 ก.ค.2566 ศาลรัฐธรรมนูญ ได้ประชุมพิจารณาคำร้องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด มหาชน จำนวน 42,000 หุ้น รวมทั้งคำขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นายพิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับวินิจฉัย โดยให้นายพิธาผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้เข้ากล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้องตาม พรป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 54

สำหรับคำขอของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายพิธาผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรค 2 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 เห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้องประกอบกับการปฏิบัติหน้าที่ของนายพิธาอาจก่อให้เกิดปัญหาข้อกฎหมายและการคัดค้านโต้แย้งเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานสำคัญของที่ประชุมรัฐสภาและที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้จึงมีคำสั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ส.สตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค 2566 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

ทั้งนี้มีรายงานหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีวินิจฉัยในคดีถือหุ้นไอทีวี มวลชนที่มารอให้กำลังใจนายพิธาและพรรคก้าวไกล ได้เคลื่อนขบวนจากจุดชุมนุมภายในศูนย์ราชการเกียกกาย มาที่บริเวณทางเข้ารัฐสภาด้วยความไม่พอใจกับคำสั่งดังกล่าว

จากนั้นมีรายงานว่า ผู้กำกับ สน.บางโพ ได้ออกมาพูดคุยกับผู้ชุมนุมผ่านโทรโฏข่ง แจ้งให้ผู้ชุมนุมกลับเข้าที่จุดที่อนุญาตชุมนุมที่ศูนย์ราชการฯ โดยให้เวลา 1 ชั่วโมง โดยหากไม่กระทำการ อาจมีการดำเนินการต่อไป

นอกจากนี้ยังมีรายงานจากภายในรั้วรัฐสภาว่ามีการเพิ่มกำลังตำรวจที่ตรึงอยู่บริเวณประตูทางเข้า และมีการเตรียมรั้วลวดหนามเพิ่ม ขณะที่ฝั่งมวลชนมีทั้งส่วนที่ทยอยกลับเข้าไปที่ศูนย์ราชการเกียกกาย และบางส่วนที่ยังปักหลักที่หน้ารัฐสภา