สาวร้องกองปราบ ก่อนหน้าเครียดกินยาฆ่าตัวตายสามีช่วยทันส่งโรงพยาบาลล้างท้องหลังถูกแกงค์คอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน 1.4 ล้านกลับโทรมาขู่ซ้ำอีกจะอุ้มลูกชาย 7 ขวบไปตัดแขนขาส่งประเทศเพื่อนบ้าน
22 กย.2566 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายธมนันท์ แตงทิม หรือ “จ่าคิงส์ สะพานใหม่” พา นางสาวแอน นามสมมุติ อายุ 45 ปี ผู้เสียหายจากการถูกแกงค์คอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นทนายความสาวและตำรวจไซเบอร์ หลอกสูญเงิน 1.4 ล้าน บาท แถมโทรกลับมาข่มขู่ไม่ให้แจ้งความไม่เช่นนั้นจะมาอุ้มตัวลูกชายวัย 7 ขวบไปตัดแขนตัดขาส่งไปประเทศเพื่อนบ้านทำให้เกิดความเครียดกินยาฆ่าตัวตาย แต่สามีมาพบหามส่งร.พ.ภูมิพลช่วยชีวิตไว้ทัน
นางสาวออนกล่าวว่าตนเองเป็นพนักงานเช็คสต๊อกอยู่ที่ร้านจำหน่ายยางรถยนตร์ย่านรัชดาภิเษกเมื่อช่วงเดือน กค.66 พบเพจในเฟซบุ๊ค เปิดรับสมัครพนักงานบรรจุหีบห่อสินค้าล่วงเวลาจึงได้สมัครไป 100 บาท ละได้เงินคืนมา 120 บาท จากนั้นทางเพจก็บอกถ้าอยากได้เงินมากๆก็ทำรายการและส่งเงินมาเพิ่ม ตนเองเห็นว่าได้เงินเพิ่มก็ลงเงินไปเรื่อยๆ เพราะต้องการหาเงินมาดูแลครอบครัว จนกระทั่งเสียเงินไป 2.4 แสนบาท ทางเพจดังกล่าวได้ปิดตัวลง
ตนเองจึงได้ไปแจ้งความกับทาง สน.พหลโยธินไว้ เมื่อช่วงปลายเดือน กค.66 แต่ปรากฎว่าต้นเดือน สค.66 ก็ได้มี ทนายความเป็นเสียงผู้หญิงติดต่อมาทางมือถือว่าจะมาช่วยติดตามเงิน 2.4 แสนคืนให้โดยให้ติดต่อผ่านมาทาง พ.ต.ท.ท่านหนึ่งอยู่ สอท.โดยให้เบอร์ติดต่อไว้
ต่อมาทาง บุคคลที่อ้างว่าเป็นตำรวจ สอท.ก็บอกให้ตนบอกข้อมูลสว่นตัวหมายเลขบัญชีและบอกว่าเงิน 2.4 แสนอยู่ในเวปพนันออนไลน์ ให้ตนเองกดลงเข้าไปเพื่อเล่นพนัน จะได้ตามจับเอาเงินคืนมาให้ ตนเองหลงเชื่อ
จึงโอนเงินไปอีก 3 แสน และเอาทรัพย์สินไปขายเพื่อเอาเงินมาลงทุน ปรากฏว่ามีเงินถูกดูดออกไปจากบัญชีอีกหลายแสนบาทรวมแล้วประมาณ 1.4 ล้านบาท จึงได้มีการสอบถามกลับถูกข่มขู่จากแกงค์นี้อีก จึงต้องเข้ามาขอความช่วยเหลือจาก จ่าคิงส์ พามาแจ้งกองปราบปรามติดตามจับกุมแกงค์คอลเซ็นเตอร์ให้ได้
ในเบื้องต้นทางกองปราบปรามส่งเรื่องต่อให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีดำเนินการสอบสวนหาพยานหลักฐานต่อไป