พลตำรวจตรี วัฒนา ยี่จีน รอง ผบช.ภาค 7 พร้อมด้วย พันตำรวจเอก พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม ได้รับมอบหมายให้จัดแถลงข่าว คดีจับกุมผู้ต้องหา ร่วมกันฉ้อโกง อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ผู้ต้องหา 2 ราย
เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 เวลา 14.00 น. ที่ สภ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.บุญญฤทธิ์ รอดมา ผทค.พิเศษ ตร.รรท.รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.ภ.7
มอบหมายให้ พล.ต.ต.วัฒนา ยี่จีน รอง ผบช.ภ.7 รรท.ผบก.ภ.จว.นครปฐม
พร้อมด้วย พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม รรท.ผกก.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ท.เดชศักดา แต้มรุ่งเรือง รอง ผกก.ป.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ท.ฤทธิชัยปกรณ์ ดำรงค์อิทธิสกุล รองผกก.สส.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ท.ยุทธนา เมตตา สว.สส.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ต.อภิชัช อาระหัง สวป.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ต.สำราญ บัวเย็น สว.สส.สภ.เมืองนครปฐม เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัวผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย คือ 1.นางทัศนัย ฯ อายุ 50 ปี ต.ถอนสมอ อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี
โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น หรือ เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจกรรมที่ตนเกี่ยวข้องทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด ” สถานที่จับกุมได้ วันที่ 26 กันยายน 2566 เวลาประมาณ 10.30 น. บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 151 ม.4 ต.โพประจักษ์ อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี 2. นายกิตติเมธี ฯ อายุ 52 ปี ต.จำปา อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด ”วัน เวลา สถานที่จับกุม วันที่ 26 กันยายน 2566 เวลาประมาณ 18.20 น. บริเวณหน้าหอพักเชฟแอนด์แฮม อพาร์ตเมนต์ 63 ม.3 ต.ป่าตาล อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี
จากการสอบสวนเบื้องต้น
จากกรณีญาติผู้เสียหายเข้าร้องเรียนกักพล.ต.ต.วัฒนา ยี่จีน รอง ผบช.ภ.7 รรท.ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม รรท.ผกก.สภ.เมืองนครปฐม ว่าถูกกลุ่มมิจฉาชีพอ้างว่าชื่อ นายอำนวย เกียรติไพบูลย์ เป็น รอง ผบ.เรือนจำกลางจังหวัดนครปฐม โดยสามารถช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย (ในคดีของกำนันนก) ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายในการอำนวยความสะดวก คนละ 7,000 บาท (รวมเป็นเงินทั้งหมด 42,000 บาท) โดยแบ่งเป็นค่าดูแลอำนวยความสะดวก ดังนี้ 1.ค่าอาหารวันละ 200 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 6,000 บาทต่อเดือน
2.ค่าเสื้อผ้าของใช้จิปาทะ จำนวน 1,000 บาทต่อเดือน ซึ่งต่อมาญาติผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ทราบว่าตัวผู้ต้องหาไม่ได้ถูกส่งไปที่เรือนจำกลางจังหวัดนครปฐม แต่ถูกส่งไปที่เรือนจำพิเศษสมุทรสงคราม จึงโทรกลับไปหาเบอร์มิจฉาชีพที่อ้างตัวชื่อ นายอำนวย เกียรติไพบูลย์ รอง ผบ.เรือนจำกลางจังหวัดนครปฐม บอกว่ายังสามารถดูแลและอำนวยความสะดวกได้เหมือนเดิม ต่อมาญาติผู้เสียหายได้โทรไปที่เรือนจำพิเศษสมุทรสงคราม และสอบถามเกี่ยวกับเรื่องการดูแลอำนวยความสะดวกผู้ต้องหาเป็นจริงอย่างที่มิจฉาชีพอ้างไว้หรือไม่
โดยทางเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษสมุทรสงคราม ได้แจ้งว่าไม่มีการดูแล และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ต้องหาแต่อย่างใด ญาติผู้เสียหายจึงโทรกลับไปหาเบอร์มิจฉาชีพที่อ้างชื่อว่า นายอำนวย เกียรติไพบูลย์ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงเชื่อว่าพวกตนได้ถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอก จากการสืบสวนและประสานไปยังเรือนจำกลางจังหวัดนครปฐม เพื่อพิสูจน์ทราบตัวบุคคลที่แอบอ้างชื่อว่านายอำนวย เกียรติไพบูลย์ รอง ผบ.เรือนจำกลางจังหวันครปฐม ว่ามีตัวตนหรือไม่ ปรากฏว่า ทางเรือนจำ ให้ข้อมูลว่าชื่อนี้ไม่มีตัวตนอยู่ในเรือนจำกลางจังหวัดนครปฐม หลังจากนั้นชุดสืบสวนและพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อที่จะนำไปสู่การออกหมายจับตัวผู้ต้องหา และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ จำนวน 2 ราย ตามวันเวลาสถานที่ข้างต้น นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
#/ กัมพล ทันเวลา // ทีมข่าวภาคตะวันตก