หญิงวัย 50 กว่าปีเป็นคนคล้ายป่วยจิตพูดจาไม่รู้เรื่องบุกวัดพระอารามหลวงอยู่ในวัดมาหลายเดือนวันนี้เจ้าอาวาสทนไม่ไหวต้องเรียกพระลูกวัดทุกรูปเข้าประชุมลงมติให้หญิงรายนี้ออกจากวัดพฤติกรรมของหญิงรายนี้เริ่มแรกทำทีเข้ามาตักบาตรพระทุกวันจากนั้นก็เข้าไปดูแลรองเจ้าอาวาสที่ป่วยติดเตียง(ที่ไม่ได้เป็นญาติหรืออะไรกันกับรองเจ้าอาวาสรูปนี้)และทุกเช้าของทุกวันหญิงรายนี้ก็จะพารองเจ้าอาวาสออกไปบิณบาตรทุกวันของที่ได้มาอาหารและเงินสดหญิงรายนี้ก็จะเก็บเองไว้เองและจะนำเงินที่ได้ไปซื้อรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามา1คันแต่เจ้าอาวาสเกรงว่ารองเจ้าอาวาสจะไม่ปลอดภัยและไม่เหมาะสมที่มีผู้หญิงเข้ามาดูแลพระที่ไม่ได้เป็นญาติกันซึ่งวัดแห่งนี้เป็นวัดพระอารามหลวงเกรงว่าจะเป็นที่ครหาของญาติโยมทางวัดจึงมีหนังสือออกวันที่ 29 ก.ย.67 ให้หญิงรายออกจากวัดไปซึ่งรองเจ้าอาวาสมีพระคอยดูแลอยู่แล้ว จนถึงวันนี้นางน้อยก็ยังไม่ออกไปจากวัดจึงต้องเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาช่วยจับออกไปและจะติดต่อญาติให้มารับตัวไปดูแลต่ออีกที
วันที่ 18.ต.ค.67 เวลา 14.30 น.ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุหญิงทำตัววุ้นวายภายในกุฏิพระสงฆ์ของวัดแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนครปฐม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ภายในวัดเสนหา พระอารามหลวง (สงวนชื่อวัด)ไปกุฏิพระสงฆ์ที่ป่วยเป็นอัมพาตติดเตียง โดยมีป้าน้อย(ปิดหน้านามสมติ) มาเฝ้าดูแลอยู่ภายในกุฏิสองต่อสองระยะเวลานานหลายเดือน จากการสอบถามป้าน้อย(ขอนามสมติปิดหน้า) อ้างตัวว่าเป็นคนดูแลพระสงฆ์รูปนี้มานานมากเพราะไม่มีพระหรือใครเข้ามาดูแล และเมื่อช่วงเดือนกันยายน 67 ทางวัดมีการประชุมจัดงานกฐินโดยมี สำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม ทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) พร้อมผู้เกี่ยวข้องที่จะมีการเตรียมงานกฐิน ปี 67 ระหว่างการประชุมป้าน้อย คนดูแลพระที่ป่วยเป็นอัมพาตได้เข้ามาโวยวายภายใน ระหว่างการประชุม พูดจาด่าหยาบคาย ใส่พระและคณะกรรมการของวัด ทางคณะกรรมการของวัดจึงได้มีการประชุมและมีมติว่าให้มีการให้ป้าน้อยคนนี้ออกจากวัดทันที เนื่องจากว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่ได้เป็นญาติกับทางพระสงฆ์ที่ป่วยเป็นอัมพาตติดเตียง
ได้ลงเมื่อวันที่ 29 กันยายน 67 จนมาช่วงบ่ายวันนี้ทางวัดได้มีการโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้มาตรวจสอบเนื่องจากทางป้าน้อยโวยวายและด่ากราดภายในวัด และขังตัวอยู่ภายในห้องกับพระที่ป่วยเป็นอัมพาตทางวัดกลัวความไม่ปลอดภัยของพระองค์ดังกล่าว จึงให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาช่วยตรวจสอบ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกับป้าน้อย ได้มีการพูดคุยกันแต่ป้าน้อย พูดจาวกวนไปมา เอาแต่โทรหาบุคคลที่ 3 เพื่อที่จะขอหมายศาลแต่ความเป็นจริงแล้วป้าน้อยไม่ได้เป็นญาติของพระสงฆ์องค์นี้เลย ระหว่างพูดคุยมีการโวยวาย และวิ่งเข้าไปสวมกอดพระที่ เป็นอัมพาตนอนติดเตียงอยู่
ระหว่างการเจรจาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อ่านหนังสือให้ทางป้าน้อยฟัง แต่ป้าน้อยก็ยืนยันว่าเขาเป็นคนดูแลตลอดต้องเอาหมายศาลมาเท่านั้น และจะมีการ จะไปร้องกันจอมพลัง และโหนกระแส ทางเจ้าหน้าที่จึงใช้ยุทธวิธีการ นำตัวของพระสงฆ์ที่ป่วยออกจากกุฏิเพื่อไปที่ที่ปลอดภัย และนำตัวของป้าน้อย มาพบเจ้าอาวาสวัด ทางเจ้าพระวินัยโกศลอาวาสของวัด บอกกับทางผู้สื่อข่าวว่า ทางตนได้มอบอำนาจให้กับไวยาวัจกรณ์ของวัดไม่มีร่างเป็นหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร ว่าทางวัดไม่ได้อนุญาตให้ป้าน้อยเข้ามาอยู่ภายในวัดตั้งแต่ตอนแรกแล้ว เคยมีการพูดคุยกันรู้เรื่องแต่ทางป้าน้อย ไม่ยอมออกไปจนวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมานำตัวออกไปพบเจ้าอาวาส และป้าน้อยขอเวลาเก็บของและจะออกไป
ชวนากร กิจเจริญ/ภาพ/ข่าว 0942971956